หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555

สิงคโปร์ (Singapore) แหล่งน่าเที่ยว

สิงคโปร์ (Singapore)
สิงคโปร์ก้าวหน้าอย่างไม่หยุดนิ่งที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ความแปลกใหม่กำลังเกิดขึ้นอีกเร็วๆ นี้คือโครงการ “MarinaBay Sands” บริเวณ Marina Bay ให้เป็นแหล่งบันเทิงระดับโลก มีโรงละครขนาดใหญ่กว่า 2,000 ที่นั่ง ร้านแบรนด์เนม ภัตตาคารหรูและร้านอาหารลอยน้ำ “กาสิโน” เป็นก้าวสำคัญสำหรับการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นที่นี่โดยเฉพาะชาวต่างชาติเข้าไปเที่ยวได้ฟรี เพียงโชว์หนังสือเดินทาง แต่ถ้าคนภายในประเทศจะเข้าไปต้องเสียค่าธรรมเนียมคนละ 1,000 ดอลลาร์ สิงคโปร์ได้วางแผนไว้จะเป็นศูนย์กลางธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยว ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงภายใน 10 ปี
การรณรงค์การท่องเที่ยวโดยเน้น จุดเด่นของสิงคโปร์ในการเป็นสังคมที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม “Uniquely Singapore” ย่านใจกลางเมืองสิงคโปร์เป็นที่ตั้งของโรงละครทั้งเล็กและใหญ่ ซึ่งจัดการแสดงละครท้องถิ่น ละครเพลง บัลเลต์ รวมทั้งการแสดงระดับสากลด้วย เช่น โรงละครวิคตอเรีย (The Victoria Theatre), เดอะ ซับสเตชั่น (The Substation), เดอะ แบล็คบ๊อกซ์ (The Blackbox), สิงคโปร์ อินดอร์ สเตเดี้ยม (Singapore Indoor Stadium), หอประชุม จูบิลี (Jubilee Hall) และโรงละครริมน้ำ เอสพลานาด (Esplanade-Theatres on the Bay) สถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมกันมากคือ บริเวณ Marina Bay, ปากแม่น้ำสิงคโปร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมอร์ไลออน (Merlion) และสถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำริมน้ำ คือ Clarke Quay, Boat Quay, ไชน่าทาวน์ (China Town), Little India และถนนช็อปปิ้ง Orchardส่วนนอกเมืองก็มีแหล่งท่องเที่ยวอยู่โดยรอบ ใช้วิธีเดินทางโดยรถไฟ MRT และ รถประจำทาง คือ เกาะเซนโตซา (Sentosa Island) บริเวณ Harbour Front, สวนสัตว์กลางคืน (Night Safari), และสวนนกจูร่ง (Jurong Birdpark)
“สิงคโปร์” มีพื้นที่เท่ากับเกาะภูเก็ต ประมาณ 682.7 ตร.กม. แต่สร้างรายได้ประชาชาติสูงสุดติดระดับโลก 117,083 ล้านดอลลาร์สหรัฐรัฐบาลสิงคโปร์เน้นสร้าง “คุณภาพคน” โดยเน้นคุณภาพการศึกษาและความรู้เป็น พื้นฐานให้คนสิงคโปร์ทั้งชายและหญิงเป็นคน “เก่ง” แต่ก็ต้องประสบปัญหาด้านสังคม เมื่อพบว่าอัตราการเติบโตของประชากรทั้งหญิงและชาย ลดลง ไม่ยอมแต่งงานยินดีที่จะอยู่เป็น “โสด” และทำงานเลี้ยงตัวเองอย่างเท่าเทียมกันรัฐบาลต้องรับภาระหนักอีกบทบาทหนึ่งในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา คือการเป็น “รัฐบาลแม่สื่อ” สร้างบรรยากาศให้คนสิงคโปร์ เกิดอารมณ์ “รักกัน” ให้ได้...เพื่อชาติประชากร ประมาณ 4.35 ล้านคน หนาแน่นที่สุดในโลก ส่วนใหญ่อยู่ในแฟลตของรัฐบาลเชื้อชาติ ชาวจีน 76.5% ชาวมาเลย์ 13.8% ชาวอินเดีย 8.1% และอื่นๆ 1.6%ภาษา ภาษาอังกฤษ มาเลย์ จีนกลางเป็นภาษาราชการ แต่ร้องเพลงชาติภาษามาเลย์ สภาพอากาศ สิงคโปร์มีอากาศอบอุ่นชื้นตลอดทั้งปี มีอุณหภูมิ
เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 24-31 องศาเซลเซียส ชุดที่สวมใส่ประจำวันควรเป็นเสื้อผ้าสำหรับฤดูร้อนที่เบาสบายและทำจากเส้นใยธรรมชาติอย่างผ้าฝ้ายเงินตรา สกุลดอลลาร์สิงคโปร์ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 22.7 บาท (สิงหาคม 2550) เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ และออสเตรเลีย สกุลเงินเยนและปอนด์อังกฤษ ก็เป็นที่ยอมรับตามห้างสรรพสินค้าเกือบทุกแห่ง แลกเปลี่ยนเงินตรา นอกจากธนาคาร
และโรงแรมแล้ว สามารถแลกเงินได้ตามร้านค้าที่มีเครื่องหมาย “Licensed Money Changer”น้ำดื่ม คุณสามารถดื่มน้ำจากก๊อกน้ำประปาในสิงคโปร์ได้อย่างปลอดภัย โทรศัพท์ รหัสทางไกล +65 โทรศัพท์มือถือมีเครือข่าย 2 ระบบ คือ GSM900 และ GSM1800 ส่วนโทรศัพท์สาธารณะใช้บัตรเครดิตหรือบัตรโทรศัพท์ก็ได้ โทรได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ การให้ทิปไม่ใช่ธรรมเนียมปฏิบัติของโรงแรมและร้านอาหารส่วนใหญ่ในสิงคโปร์ เนื่องจากสถานที่เหล่านี้ได้เก็บค่าบริการไปแล้ว 10% ในบิลของลูกค้าห้ามเด็ดขาด สิงคโปร์มีกฎหมายเคร่งครัดในเรื่องระเบียบวินัย เช่น การถ่มน้ำลาย คนไทยที่ทำตัวสบายๆ จนชินต้องระวังห้ามถ่มน้ำลายในที่สาธารณะ การทิ้งขยะ กฎจราจร การข้ามถนน การสูบบุหรี่ ผู้ฝ่าฝืนจะถูกปรับเป็นเงิน 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ยกเว้นสถานที่เที่ยวกลางคืน ที่สำคัญห้ามเคี้ยวหมากฝรั่ง
ข้อมูลทั่วไป
สิงคโปร์ตั้งอยู่กลางสี่แยกของโลกทำเลอันยอดเยี่ยมนี้ทำให้สิงคโปร์เติบโตจนเป็นศูนย์กลางการค้าการสื่อสารและการท่องเที่ยวสำคัญของโลกตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของที่นี่คือ 136.8 กม.เหนือเส้นศูนย์สูตรโดยตั้งอยู่ระหว่างเส้นแวงที่ 103 องศา 38 ลิปดาตะวันออกกับเส้นแวงที่ 104 องศา 06 ลิปดาตะวันออกเกาะแห่งนี้เชื่อมต่อกับมาเลเซียด้วยสะพานข้ามทะเลสองสายคุณสามารถเดินทางจากที่นี่ไปเกาะหลักของหมู่เกาะเรียว(Riau) ประเทศอินโดนีเซียได้โดยเรือข้ามฟากเป็นระยะทางสั้นๆหรือจะขึ้นเครื่องบินเพียงครู่เดียวก็ถึงประเทศไทยและฟิลิปปินส์แล้ว สิงคโปร์มีสนามบินหนึ่งแห่งที่ให้บริการแก่สายการบินมากกว่า 69สายที่นี่คือประตูสู่ภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ ประชากรของสิงคโปร์มีจำนวนเกือบ 4 ล้านคน ประกอบด้วยคนจีน 77% มาเลย์ 14% อินเดีย 8% และอีก 1% เป็นลูกครึ่งยุโรปเอเชียและเผ่าพันธุ์อื่นๆผู้อยู่อาศัยดั้งเดิมของที่นี่คือชาวประมงเชื้อสายมาเลย์ แต่หลังจากที่เซอร์สแตมฟอร์ดแรฟเฟิลมาที่นี่และมีการสร้างสถานีค้าขายของอังกฤษสิงคโปร์ก็กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้อพยพและพ่อค้ามากมายพวกเขาเหล่านั้นเสาะหาชีวิตที่ดีกว่าให้กับตนเองและครอบครัว คนเหล่านี้เดินทางมาจากทางตอนใต้ของจีน อินโดนีเซีย อินเดีย ปากีสถาน ลังกา และตะวันออกกลาง ถึงแม้ว่าจะมีการแต่งงานระหว่างเผ่าพันธุ์เกิดขึ้นตลอดทั้งปีแต่กลุ่มเชื้อชาติในสิงคโปร์ก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตนเอาไว้ในขณะเดียวกันก็พัฒนาไปในฐานะส่วนประกอบหนึ่งของชุมชนสิงคโปร์สิงคโปร์ประกอบด้วยเกาะหลัก

หนึ่งเกาะ และเกาะขนาดจิ๋วล้อมรอบอีก 63 เกาะ เกาะหลักมีเนื้อที่พื้นดินรวม 682 ตารางกิโลเมตรอย่างไรก็ตามขนาดอันเล็กกะทัดรัดนี้กลับสวนทางกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในช่วงเวลาเพียง 150 ปี สิงคโปร์ก็เติบโตจนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าและอุตสาหกรรมที่มั่งคั่ง บทบาทในอดีตในฐานะจุดพักสินค้านั้นไม่มีอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากประเทศสิงคโปร์มีฐานการผลิตแบบอุตสาหกรรมในประเทศของตนแล้วสิงคโปร์เป็นท่าเรือที่พลุกพล่านที่สุดในโลก มีบริษัทเดินเรือกว่า 600 รายส่งเรือบรรทุกน้ำมันขนาดยักษ์ เรือบรรทุกตู้สินค้า และเรือโดยสารประเภทต่างๆมาเพื่อแบ่งปันการใช้น่านน้ำอันวุ่นวายแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีเรือหาปลาตามชายฝั่งและเรือท้องแบนที่ทำจากไม้อีกด้วยสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการกระจายและกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของโลก และยังเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเป็นผู้นำด้านการต่อเรือและการซ่อมเรือ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปเอเชีย ที่นี่มีธนาคารมากกว่า 130 แห่งการเจรจาทางธุรกิจจะดำเนินไปได้อย่างสะดวก






รวดเร็วด้วยเครือข่ายการสื่อสารที่ยอดเยี่ยมของสิงคโปร์ ที่เชื่อมต่อประเทศนี้เข้ากับโลกส่วนที่เหลือผ่านทางดาวเทียมพร้อมด้วยระบบโทรเลขและโทรศัพท์ตลอด 24ชั่วโมง ทำเลทางยุทธศาสตร์ของสิงคโปร์สถานที่และอุปกรณ์อันยอดเยี่ยม ความแตกต่างทางวัฒนธรรมอันน่าทึ่งและสถานที่ท่องเที่ยวสิ่งเหล่านี้ล้วนมีส่วนช่วยให้สิงคโปร์ประสบความสำเร็จในฐานะผู้นำทั้งในด้านธุรกิจและความบันเทิง
ประวัติศาสตร์
สิงคโปร์เป็นที่รู้จักกันครั้งแรกในสมัยศตวรรษที่ 3 ของชาวจีน พวกเขาเรียกสิงคโปร์ว่า "พู เลา ชุง" (เกาะปลายคาบสมุทร") ณ เวลานั้นไม่ค่อยมีใครทราบประวัติของเกาะแห่งนี้มากนัก แต่ว่าชื่อเรียกนี้ไม่สื่อให้เราเห็นอดีตอันมีสีสันของสิงคโปร์เลย ในศตวรรษที่ 14 สิงคโปร์ถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรศรีวิชัย (Sri Vijayan Empire) และรู้จักกันในชื่อของเทมาเซ็ค (เมืองแห่งทะเล) สิงคโปร์ตั้งอยู่ตรงปลายแหลมมลายู ซึ่งเป็นจุดนัดพบทางธรรมชาติของเส้นทางเดินเรือ เกาะแห่งนี้จึงกลายเป็นจุดแวะพักของเรือเดินสมุทรหลายประเภท ตั้งแต่เรือสำเภาจีน เรืออินเดีย เรือใบอาหรับ และเรือรบของโปรตุเกส ไปจนถึงเรือใบบูจินีส ในศตวรรษที่ 14 เกาะที่มีขนาดเล็กแต่มีทำเลที่เยี่ยมแห่งนี้ก็ได้ชื่อใหม่ นั่นก็คือ "สิงหปุระ" ("เมืองสิงโต") ตามตำนานเล่าว่า เจ้าชายแห่งศรีวิชัยมองเห็นสัตว์ตัวหนึ่งแต่เข้าใจผิดว่าเป็นสิงโต ชื่ออันปัจจุบันของสิงคโปร์ก็ถือกำเนิดขึ้น ชาวอังกฤษคือผู้สร้างประวัติศาสตร์ตอนต่อมาของสิงคโปร์ ระหว่างศตวรรษที่ 18 นั้น อังกฤษเล็งเห็นถึงความสำคัญของ "จุดแวะพัก" ทางยุทธศาสตร์ สำหรับซ่อม เติมเสบียง และคุ้มกันกองทัพเรือของอาณาจักรที่เติบใหญ่ของตน รวมถึงเพื่อขัดขวางการรุกคืบของชาวฮอลแลนด์ในภูมิภาคนี้ ตรงกันข้ามกับเบื้องหลังทางการเมืองที่กล่าวมา เซอร์สแตมฟอร์ด แรฟเฟิล กลับตั้งสิงคโปร์ให้เป็นสถานีการค้า นโยบายการค้าเสรีดึงดูดพ่อค้าจากทั่วทุกส่วนของเอเชีย
และจากที่ห่างไกลออกไป เช่น สหรัฐอเมริกาและตะวันออกกลาง ในปี ค.ศ.1824 เพียงแค่ห้าปีหลังจากตั้งประเทศสิงคโปร์ในปัจจุบัน ประชากรก็เพิ่มขึ้นจากเดิมเพียง 150 คนจนกลายเป็น 10,000 คน ในปี 1832 สิงคโปร์กลายเป็นศูนย์กลางรัฐบาลของถิ่นฐานช่องแคบปีนัง มะละกา และสิงคโปร์ การเปิดคลองซุเอซในปี 1869 และการเข้ามาของเครื่องโทรเลขและเรือกลไฟทำให้ความสำคัญของสิงคโปร์เพิ่มขึ้นจนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่กำลังขยายตัวระหว่างโลกตะวันตกและตะวันออก สิงคโปร์เคยเป็นที่ทำสงครามในศตวรรษที่ 14เมื่อเข้าเกี่ยวพันกับการแย่งชิงแหลมมลายูระหว่างประเทศสยาม (ไทย)กับจักรวรรดิมัชปาหิตบนเกาะชวาอีกห้าศตวรรษ ถัดมา ที่นี่ก็เกิดสงครามครั้งสำคัญขึ้นอีกครั้งในระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เคยถือกันว่าสิงคโปร์เป็นป้อมปราการที่ไม่มีวันแตก แต่แล้วกองทัพญี่ปุ่นก็สามารถยึดครองเกาะแห่งนี้ได้ในปี 1942หลังสงครามสิงคโปร์ก็กลายเป็นอาณานิคมของอังกฤษ การเติบโตของลัทธิชาตินิยมทำให้สิงคโปร์มีรัฐบาลปกครองตนเองในปี1959แล้ววันที่ 9สิงหาคม1965สิงคโปร์ก็กลายเป็นสาธารณรัฐอิสระ
วัฒนธรรมและประชากร
จากการที่มีประชากรหลายเชื้อชาติ สิงคโปร์จึงมีผู้นับถือศาสนาต่าง ๆ คือ พระพุทธศาสนา ศาสนาฮินดู คริสต์ศาสนา และลัทธิเต๋าประชากรหนาแน่นสุดในภูมิภาค และเป็นประเทศเล็กที่สุดในภูมิภาค เป็นประเทศที่หนาแน่นเป็นอันดับ 2 ของโลก มีจำนวนประชากรประมาณ 4.24 ล้านคน (2547)ประกอบด้วยชาวจีน (76.5%) 

ชาวมาเลย์ (13.8%) ชาวอินเดีย (8.1%) และอื่น ๆ (1.6%) นอกจากนี้สิงคโปร์ยังเป็นประเทศในเอเชียที่มีการวางแผนครอบครัวได้ดีมาก จนทำให้จำนวนประชากรลดลง และก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงานในอนาคต
สภาพภูมิอากาศ
ประเทศสิงคโปร์มีสภาพภูมิอากาศคงที่มีอุณหภูมิสม่ำเสมอและมีฝนตกชุก สิงคโปร์ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสภาพภูมิอากาศแบบป่าเขตร้อน ไม่มีการแบ่งฤดูเหมือนประเทศอื่นๆมีการแบ่งเป็น ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วง หรือ ฤดูหนาว ด้วยความที่สิงคโปร์มีภูมิอากาศที่คงที่ จึงเป็นการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวตลอดปี โดยอุณหภูมิ จะอยู่ระหว่าง 22 ถึง 34 องศาเซลเซียสค่าความชื้นโดยเฉลี่ยนอยู่ที่ 85% - 90% ในช่วงเช้า และ 55%-60% ในช่วงเที่ยง หากมีฝนตกชุกมาก ค่าความชื้นอาจสูงได้ถึง 100% ช่วงกลางปี ในเดือนมิถุนายน และ กรกฎาคม จัดเป็นเดือนที่ร้อนที่สุด และ เดือนพฤศจิกายน และธันวาคม เป็นช่วงฤดูมรสุม ซึ่งวัดจากพื้นดินที่ชุ่มชื้นและค่าความชื้นสูง อุณหภูมิต่ำสุดที่เคยวัดได้ คือ 19.4องศาเซลเซียส และมากที่สุด คือ 35.8องศาเซลเซียส ประเทศสิงคโปร์ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ทำให้ภูมิอากาศมีความคงที่อยู่ตลอดปี สภาพภูมิอากาศมักมีส่วนสำคัญเวลานักท่องเที่ยวเลือกที่จะไปท่องเที่ยวในที่ใดๆ และสิงคโปร์ดูจะตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้ดีที่สุด บางคนไม่ชอบอากาศชื้นในเดือน พฤศจิกายน และธันวาคม แต่ 10เดือนที่เหลือก็ยังมีสภาพอากาศที่ดีให้กับนักท่องเที่ยวได้ สวนพฤกษศาสตร์ที่นี่ได้รับการดูแลอย่างดี เป็นจุดท่องเที่ยวที่สวยงามสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวสิงคโปร์เอง ด้วยสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวจากที่ต่างๆปรารถนาจะมาท่องเที่ยวที่สิงคโปร์อย่างน้อยสักครั้งหนึ่งในชีวิต ที่นี่เป็นเกาะที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้าน ตอบสนองความต้องการของทุกคน การบริการ และความเป็นมิตรของชาวสิงคโปร์ ทำให้การมาท่องเที่ยวที่นี่มีคุณค่าอย่างแท้จริง ในขณะที่กระแสโลกาภิวัฒน์ได้เกิดขึ้นในโลก และประเทศต่างๆเริ่มกลายเป็นเป็นประเทศอุตสาหกรรม และวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของประเทศนั้นๆเริ่มเสื่อมถอยลง
ภาษา              
ภาษาทางราชการ คือ ภาษามาเลย์ จีนกลาง ทมิฬ และอังกฤษ สิงคโปร์ส่งเสริมให้ประชาชนพูด 2 ภาษา โดยเฉพาะจีนกลาง ในขณะที่ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้ในการติดต่องานและในชีวิตประจำวัน

สกุลเงิน

สกุลดอลลาร์สิงคโปร์ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 22.7 บาท (สิงหาคม 2550) เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ และออสเตรเลีย สกุลเงินเยนและปอนด์อังกฤษ ก็เป็นที่ยอมรับตามห้างสรรพสินค้าเกือบทุกแห่ง แลกเปลี่ยนเงินตรา นอกจากธนาคารและโรงแรมแล้ว สามารถแลกเงินได้ตามร้านค้าที่มีเครื่องหมาย “Licensed Money Changer”23.17 บาท/1 ดอลลาร์สิงคโปร์ (มกราคม 2546- 1 ดอลลาร์สหรัฐ/1.70 ดอลลาร์สิงคโปร์ (มกราคม 2546)
สิ่งที่ควรทำ - ไม่ควรทำ









1. ผู้ถือหนังสือเดินทางไทยสามารถเดินทางเข้าสิงคโปร์ได้โดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตรา (วีซ่า) และสามารถพำนักอยู่ได้ 14 วัน การพำนักเกินระยะเวลาที่กำหนดถือว่าผิดกฎหมาย มีโทษจำคุกสูงสุด 6 เดือน เฆี่ยน 3 ที ปรับสูงสุด 6,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ และห้ามเข้าสิงคโปร์ 
2. ผู้เดินทางเข้าสิงคโปร์ควรถือหนังสือเดินทางที่มีอายุไม่น้อยกว่า 6 เดือนก่อนวันหมดอายุ

3. ผู้ประสงค์จะเข้าไปทำงานในสิงคโปร์ ควรตรวจสอบข้อมูลกับ กระทรวงแรงงานฯ ของไทยเพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงการทำงานโดยไม่ได้ขออนุญาตทำงานจากทางการสิงคโปร์จะถูกดำเนินคดี (ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการขออนุญาตทางการ

4. การหลบหนีเข้าสิงคโปร์และประกอบอาชีพเร่ขายบริการผิดกฎหมาย จะถูกลงโทษอย่างรุนแรง
5. การลักลอบนำยาเสพติด อาวุธปืนและสิ่งผิดกฎหมายอื่น ๆ จะได้รับโทษอย่างรุนแรงขั้นประหารชีวิต



  
6. สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีกฎหมายเคร่งครัดในเรื่องระเบียบวินัย เช่น กฎจราจร การข้ามถนน การทิ้งขยะ การสูบบุหรี่
7. น้ำ ประปาสิงคโปร์นั้นปลอดภัยและสามารถดื่มได้จากก๊อกโดยตรง แต่อย่างไรก็ดีน้ำดื่มและน้ำแร่บรรจุขวดก็สามารถหาซื้อได้จากซูเปอร์ มาร์เก็ต ร้านขายของชำ และร้านสะดวกซื้อ
8. ผู้ที่เดินทางเข้าสิงคโปร์ ที่ต้องการพกพาเครื่องใช้ไฟฟ้ามาด้วย เช่น ไดร์เป่าผม อย่าลืมนะว่า ต้องนำปลั๊กต่อมาด้วย เนื่องจากที่สิงคโปร์ใช้เต้าเสียบแบบ 3 ขา สำหรับกระแสไฟนั้นเท่ากัน คือ 220 โวลต์ ซึ่ง สามารถหาซื้อปลั๊กต่อแปลงจาก 2 ขา เป็น 3 ขา ได้ตามร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือตามห้างสรรพสินค้า
9. การเสพยาเสพติดเป็นเรื่องร้ายแรงมากในสิงคโปร์ถึงขั้นประหารชีวิต การลักลอบนำเข้าสารเสพติดประเภทกล่อมประสาทและหลอนประสาทถูกห้ามอย่างเด็ด ขาด แต่หากมียาประจำตัวที่มีส่วนผสมของสารเหล่านี้ จะต้องมีใบรับรองแพทย์กำกับมาด้วย

10.ห้ามทิ้งเศษขยะลงพื้น ฝ่าฝืนครั้งแรกถูกปรับ S$1,000 ครั้งต่อไป S$2,000 และต้องทำความสะอาดในที่สาธารณะด้วย กฎหมายนี้รวมถึงการห้ามเคี้ยวหมากฝรั่งด้วย ดังนั้นจึง ไม่ควรนำหมากฝรั่งไปที่สิงคโปร์

11.สิงคโปร์ ห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ เช่น รถโดยสารสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด ลิฟท์ โรงละคร โรงภาพยนตร์ ร้านอาหารติดเครื่องปรับอากาศ ร้านเสริมสวย ซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า และสถานที่ราชการ หากฝ่าฝืนจะโดนปรับ 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์
12.การถ่มน้ำลายในที่สาธารณะก็มีความผิด
สิงคโปร์ไม่ได้เป็นเกาะเพียงเกาะเดียว

แต่ประกอบด้วยเกาะหลักหนึ่งเกาะ และเกาะขนาดจิ๋วล้อมรอบอีก 63เกาะ เกาะหลักมีเนื้อที่พื้นดินรวม 682 ตารางกิโลเมตร อย่างไรก็ตาม ขนาดอันเล็กกะทัดรัดนี้กลับสวนทางกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในช่วงเวลาเพียง 150 ปี สิงคโปร์ก็เติบโตจนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าและอุตสาหกรรมที่มั่งคั่ง บทบาทในอดีตในฐานะจุดพักสินค้านั้นไม่มีอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากประเทศสิงคโปร์มีฐานการผลิตแบบอุตสาหกรรมในประเทศของตนแล้วสิงคโปร์เป็นท่าเรือที่พลุกพล่านที่สุดในโลก มีบริษัทเดินเรือกว่า 600รายส่งเรือบรรทุกน้ำมันขนาดยักษ์ เรือบรรทุกตู้สินค้า และเรือโดยสารประเภทต่างๆมาเพื่อแบ่งปันการใช้น่านน้ำอันวุ่นวายแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีเรือหาปลาตามชายฝั่งและเรือท้องแบนที่ทำจากไม้อีก



ด้วย สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการกระจายและกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของโลก และยังเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเป็นผู้นำด้านการต่อเรือและการซ่อมเรือ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปเอเชีย ที่นี่มีธนาคารมากกว่า 130 แห่ง การเจรจาทางธุรกิจจะดำเนินไปได้อย่างสะดวกรวดเร็วด้วยเครือข่ายการสื่อสารที่ยอดเยี่ยมของสิงคโปร์ ที่เชื่อมต่อประเทศนี้เข้ากับโลกส่วนที่เหลือผ่านทางดาวเทียม พร้อมด้วยระบบโทรเลขและโทรศัพท์ตลอด 24 ชั่วโมงทำเลทางยุทธศาสตร์ของสิงคโปร์ สถานที่และอุปกรณ์อันยอดเยี่ยม ความแตกต่างทางวัฒนธรรมอันน่าทึ่ง และสถานที่ท่องเที่ยว สิ่งเหล่านี้ล้วนมีส่วนช่วยให้สิงคโปร์ประสบความสำเร็จในฐานะผู้นำทั้งในด้านธุรกิจและความบันเทิง

ขอบคุณ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวสิงคโปร์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตามใจทัวร์