หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2557

ดาลัด สวิสเซอร์แลนด์เวียดนาม

ข้อมูลท่องเที่ยวดาลัด

 • ดาลัดสวิสเซอร์แลนด์เวียดนาม เป็นเมืองเล็ก ๆ อยู่ในจังหวัดลามดงทางภาคใต้ตอนบนของเวียดนามสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกจากประเทศไทยโดยมีเที่ยวบินตรงสู่โฮจิมินห์ซิตี้ จากนั้นนั่งรถประจำทางจากโฮจิมินห์บริเวณสถานีขนส่งเมียงดอง มาตามเส้นทางเบียนฮวาระยะทางประมาณ 300 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ยังมีเที่ยวบินจากฮานอยบินตรงสู่ดาลัดด้วย
• การเดินทางในเมืองดาลัด
• ดาลัด ตั้งอยู่บนที่ราบสูงโอบล้อมไปด้วยทิวเขา การเช่าจักรยานปั่นจึงไม่ใช่วิธีที่ดีนักและไม่ค่อยเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว เพราะสถานที่แต่ละแห่งนั้นอยู่ไกลจากกันวิธีที่ดีที่สุดคือการใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างนั่งรถเที่ยวชมตัวเมือง หรือจะเช่าขี่เองซึ่งต้องใช้ความชำนาญเพราะรถค่อนข้างเยอะในเขตเมือง และนอกเมืองจะเป็นทางบนเขา
• เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาปกคลุมด้วยทิวสน ทะเลสาบ และป่าไม้ที่ราบสูงลามเวียดที่อยู่ติดกับแม่น้ำกามลี มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,500 เมตร อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี 17 องศษเซลเซียสนับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โรแมนติคที่สุดของเวียดนาม และได้รับอีกสมญานามว่า เมืองแห่งฤดูใบไม้ผลิชั่วนิรันดร์ จากความงดงามของภูมิประเทศนี้ทำให้ครั้งหนึ่งชนชั้นปกครองของฝรั่งเศสเคยคิดจะสร้างให้เมืองเล็ก ๆ ในหุบเขาแห่งนี้เป็นเมืองหลวงของสหพันธรัฐอินโดจีน ที่เป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสในตอนปลายของศตวรรษที่ 19 แต่ภายหลังการสำรวจพื้นที่แล้วก้อไม่ได้จัดตั้งขึ้น แต่กลับทำให้เกิดการก่อตั้งศูนย์วิจัยทางการเกษตรและอุตุนิยมวิทยาขึ้นที่นี่
ดาลัด ปารีสตะวันนออก เมืองแห่งดอกไม้
• ดาลัด ตั้งอยู่ในตลาดลามดง ทางภาคใต้ตอนบนของเวียดนาม ชื่อ ดาลัด มาจากคำ 2 คำ คือ ดา หมายถึง แหล่งกำเนิดหรือแม่น้ำกามลี ส่วนคำว่า ลัด เป็นชื่อของชนกลุ่มน้อยเผ่าหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่นี่ เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขา ปกคลุมไปด้วยทิวสน ทะเลสาบ และป่าไม้บนที่ราบสูงลามเวียต ถัดจากแม่น้ำกามลี มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,500 เมตร อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 17 องศาเซลเซียส นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โรแมนติคของเวียดนาม และได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งฤดูใบไม้ผลิชั่วนิรันดร์ จากความงดงามและเงียบสงบ ทำให้ครั้งหนึ่งชนชั้นปกครองชาวฝรั่งเศสเคยคิดจะสร้างให้เป็นเมืองหลวงของสมาพันธรัฐอินโดจีนที่เป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ในตอนปลายศตวรรษที่ 19 แต่หลังจากสำรวจพื้นที่แล้วก็ไม่ได้จัดตั้งขึ้น แต่สร้างหม้เป็นศูนย์วิจัยทางการเกษตรและอุตุนิยมวิทยาขึ้นที่นี่






ข้อมูลจาก :http://www.oceansmile.com/Vietnam/DalatTour.htm

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2556

นอร์เวย์ "ดินแดนแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืน"


นอร์เวย์ได้ชื่อ "ดินแดนอาทิตย์เที่ยงคืน" หรือ The Midnight Sun มาจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะโลกกลมและหมุนรอบแกนของตัวเอง พร้อมโคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วย โดยจะเอียงแกนเอาขั้วโลกเหนือ-ใต้ สลับเข้าหาดวงอาทิตย์ชั่วระยะหนึ่งใช้เวลาเท่าๆ กันคือประมาณ 4-6 เดือน ระหว่างที่โลกหันเอาขั้วนั้นเข้าหาดวงอาทิตย์จะเป็นฤดูร้อน
     เมื่อโลกเอียงเอาขั้วโลกเหนือเข้าหาดวงอาทิตย์ ขั้วโลกเหนือจะได้รับแสงสว่างและความร้อนเต็มที่ สว่างอยู่เป็นเวลา 24 ชั่วโมงติดต่อกันเป็นเวลานับเดือน จะเห็นอาทิตย์โคจรเป็นทางโค้งอยู่เหนือขอบฟ้า ขึ้นสูงพ้นยอดไม้ และค่อยลดต่ำลงจนเกือบจดขอบฟ้า แต่จะไม่ลับขอบฟ้าไปเสียเลยทีเดียว ก่อนกลับสูงขึ้นไปอีกในตอนเที่ยงคืน ทำให้มีแสงสว่างสาดเป็นทาง ต้นไม้มีเงายาวทอดออกไปตามพื้นดิน คล้ายอาทิตย์ในยามเช้าหรือยามเย็น
     ขณะเดียวกัน ฝั่งตรงข้ามคือขั้วโลกใต้จะมืดมิด อากาศหนาวจัดตลอด 24 ชั่วโมงติดต่อนับเป็นเดือนเช่นกัน แต่เมื่อโลกเอียงเอาขั้วโลกใต้เข้าหาดวงอาทิตย์ ขั้วโลกใต้ก็จะสว่างเป็นเวลานาน และมีปรากฏการณ์เห็นดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงคืนเช่นกัน (เพียงแต่ว่าซีกโลกนั้นไม่มีมนุษย์อยู่อาศัยยืนยัน มีเพียงเพนกวินจักรพรรดิเท่านั้นที่เตาะแตะชมวิว) ยามขั้วโลกเหนือตกอยู่ในความมืด อากาศหนาวจัดตลอด 24 ชั่วโมงติดต่อนับเป็นเดือน
     ปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์เที่ยงคืน ณ โลกเหนือ จะเกิดขึ้นในบริเวณที่อยู่เหนือเส้นอาร์ติกเซอร์เคิล หรือประมาณเส้นละติจูดที่ 66 องศาเหนือ ทำให้ผู้คนในประเทศที่อยู่เหนือเส้นละติจูดนี้มองเห็นดวงอาทิตย์ทั้งในเวลา กลางวันและกลางคืน
     สำหรับนอร์เวย์ สถานที่ที่ชมตะวันยามเที่ยงคืนได้เหมาะเจาะคือเมืองทรอมโซ่ ระหว่าง 16 พฤษภาคม-27 กรกฎาคม และเมืองสวาลบอร์ด ซึ่งเป็นหมู่เกาะกลางมหาสมุทรอาร์กติก ทางตอนเหนือของแผ่นดินใหญ่นอร์เวย์ขึ้นไปอีก 640 กิโลเมตร ระหว่าง 19 เมษายน-23 สิงหาคม
     นอกจากนอร์เวย์ ดินแดนที่อยู่เหนือเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล ประกอบด้วย อะลาสกา แคนาดา กรีนแลนด์ ไอซ์แลนด์ สวีเดน ฟินแลนด์ และดินแดนของรัสเซียอย่างบริเวณโนวาวา เซมล์ยา หรือมูร์มันสก์ ก็สามารถมองเห็นอาทิตย์เที่ยงคืนได้เหมือนกัน ทั้งนี้ดินแดนที่เคยมีบันทึกว่าเกิดปรากฏการณ์อาทิตย์เที่ยงคืนนานที่สุด คือทางปลายเหนือสุดของฟินแลนด์ ดวงอาทิตย์ไม่ตกดินนานถึง 73 วัน
สำหรับการจัดเวลากลางวันกลางคืน ดวงอาทิตย์ไม่สร้างความสับสน เพราะว่าไปตามนาฬิกาเป็นปกติ






                                               ขอขอบคุณแหล่งที่มา : http://atcloud.com

วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

10 อันดับ ประเทศที่อากาศดีที่สุดในโลก


ประเทศอากาศดีที่สุดในโลก ในที่นี้หมายถึงประเทศที่เหมาะแก่การอยู่อาศัย ย้ายถิ่นฐาน มีสภาพอากาศโดยรวมที่ไม่แปรปรวน ไม่ได้อยู่ในเขตมรสุม ไม่ร้อนหรือหนาวจัดจนเกินไป รวบรวมโดย “อินเตอร์ เนชั่นแนล ลีฟวิ่ง” ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านการใช้ชีวิตวัยเกษียณในต่างแดน ซึ่งได้ทำการสำรวจและนำข้อมูลอันเป็นประโยชน์มาเผยแพร่ เผื่อบางคนอาจกำลังเลือกจุดหมายและบั้นปลายในชีวิต อาจมีตัวเลือกที่ดีจาก 10 อันดับ ประเทศที่อากาศดีที่สุดในโลก
ประเทศที่อากาศดีที่สุดในโลก
1. สาธารณรัฐมอลตา
มอลตา ประเทศที่ไม่ค่อยคุ้นชื่อนัก สาธารณรัฐมอลตา เป็นประเทศหมู่เกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตอนใต้ของยุโรป  โดยอยู่ห่างจากเกาะซิซิลีของประเทศอิตาลีราว 60 ไมล์ สภาพอากาศที่มอลตาถือว่าดีมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในยุโรป มีอุณหภูมิเฉลี่ย 21 องศาเซลเซียส ในเวลากลางวัน มีแสงแดดเฉลี่ยประมาณวันละ 5 ชั่วโมง ขณะที่หลายประเทศในยุโรปมีหิมะตกหนัก แต่มอลตากลับแทบไม่เคยได้สัมผัสหิมะเลย ที่มอลตาอาจมีฝนตกหนักบ้างบางช่วง แต่มักเกิดขึ้นเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น
ประเทศที่อากาศดีที่สุดในโลก 2. สาธารณรัฐเอกวาดอร์
เอกวาดอร์ อยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาใต้ ตั้งอยู่ในบริเวณเส้นศูนย์สูตร พรมแดนทางตอนเหนือจรดโคลัมเบีย ทางตะวันออกและทางใต้ติดกับประเทศเปรู และมีชายฝั่งทางตะวันตกติดมหาสมุทรแปซิฟิก ด้วยความที่ตั้งอยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตร เอกวาดอร์ จึงได้รับแสงแดดแบบเต็มๆ ถึงวันละ 12 ชั่วโมง ตลอดปี แต่เนื่องจากเอกวาดอร์มีสภาพภูมิประเทศที่แตกต่างกัน 3 ลักษณะ คือมีทั้งที่เป็นภูเขา ป่าฝน และพื้นที่แถบชายฝั่งทะเลแปซิฟิก ดังนั้นในแต่ละพื้นที่จึงมีสภาพอากาศที่แตกต่างกัน เช่น กิโต้ เมืองหลวงของประเทศเอกวาดอร์ อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 9,350 ฟุต (2,849 เมตร) เป็นเมืองหลวงที่อยู่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก มีสภาพอากาศเหมือนอยู่ในฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยที่ 24 องศาเซลเซียสในเวลากลางวัน และ 10-13 องศาเซลเซียสในช่วงเวลากลางคืน
ประเทศที่อากาศดีที่สุดในโลก 3. สาธารณรัฐเม็กซิโก
ประเทศเม็กซิโก ทิศเหนือติดสหรัฐฯ ทิศใต้ติดกัวเตมาลาและเบลิซ ทิศตะวันออกติดอ่าวเม็กซิโกและทะเลแคริบเบียน ส่วนทิศตะวันตกติดมหาสมุทรแปซิฟิกและอ่าวแคลิฟอร์เนีย เม็กซิโก มีสภาพอากาศที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความสูงของพื้นที่ กระแสลม และกระแสน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิก บริเวณชายฝั่งของเม็กซิโกมีภูมิอากาศแบบเขตร้อน ส่วนพื้นที่บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 900 เมตรขึ้นไป จะมีสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็น ปริมาณน้ำฝนโดยเฉลี่ยของเม็กซิโกจะอยู่ที่ประมาณ 40 นิ้ว และในบางช่วงของปีพื้นที่บริเวณอ่าวเม็กซิโก รวมถึงบริเวณชายฝั่งทะเลแคริบเบียนและแปซิฟิกอาจมีพายุเฮอร์ริเคนเกิดขึ้นได้ ส่วนในบางพื้นที่แถบบาฮา และทางตอนเหนือของประเทศกลับแทบไม่มีฝนตกเลยตลอดทั้งปี
ประเทศที่อากาศดีที่สุดในโลก 4. สาธารณรัฐโคลัมเบีย
เนื่องจากประเทศโคลัมเบีย ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร สภาพอากาศโดยทั่วไปจึงมีลักษณะร้อนชื้นและมีอุณหภูมิคงที่ตลอดทั้งปี หากจะมีอุณหภูมิแตกต่างไปจากเดิมบ้าง เพราะมีสาเหตุอันเนื่องมาจากฝนตกนั่นเอง ระดับอุณหภูมิของโคลัมเบียจะเริ่มตั้งแต่ร้อนมากบนพื้นที่ระดับน้ำทะเล และจะค่อยๆ มีอุณหภูมิต่ำลงบนพื้นที่ที่อยู่สูงขึ้นไป โดยพื้นที่ทางด้านตะวันออกของชายฝั่งทะเลแคริบเบียนและแปซิฟิก จะมีอุณหภูมิและความชื้นสูงตลอดทั้งปี มีปริมาณน้ำฝนต่อปีโดยเฉลี่ย 40 นิ้ว ส่วนพื้นที่บนภูเขาอากาศจะเย็นลงโดยมี ลม ระดับความสูง และลักษณะภูมิประเทศเป็นตัวแปรที่สำคัญ
ประเทศที่อากาศดีที่สุดในโลก 5. ประเทศออสเตรเลีย
ประเทศออสเตรเลีย ประกอบด้วยแผ่นดินหลักของทวีปออสเตรเลีย เกาะแทสเมเนีย รวมถึงเกาะอื่นๆ ในมหาสมุทรอินเดีย แปซิฟิก และมหาสมุทรใต้ ออสเตรเลีย มีหลายสภาพอากาศ แต่เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งและทุรกันดาร มีขนาดทะเลทรายรวมกันใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากทะเลทรายซาฮาราในทวีปแอฟริกา พื้นที่ราว 40% จึงถูกปกคลุมด้วยเนินทราย จะมีเพียงดินแดนทางตอนใต้ด้านตะวันออกและตะวันตกเท่านั้นที่อากาศเย็นและมีผืนดินค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ พื้นที่ส่วนใหญ่ของออสเตรเลียมีแดดออกโดยเฉลี่ยมากกว่า 3,000 ชั่วโมง/ปี โดยในช่วงฤดูร้อน (ธ.ค.-มี.ค.) จะมีอุณหภูมิเฉลี่ย29 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงฤดูหนาว (มิ.ย.-ส.ค.) อุณหภูมิเฉลี่ยที่ 13 องศาเซลเซียส
ประเทศที่อากาศดีที่สุดในโลก 6. ประเทศอุรุกวัย

อุรุกวัย เป็นประเทศเล็กๆ ทางตอนใต้ของทวีปอเมริกาใต้ มีสภาพอากาศแบบกึ่งร้อนและชื้นในบางพื้นที่ มีฝนตกบ้างประปราย สภาพอากาศของอุรุกวัยในแต่ละพื้นที่ไม่แตกต่างกันมากนัก และเนื่องจากประเทศนี้ไม่มีภูเขาจึงทำให้มีกระแสลมพัดผ่านมาจากภูมิภาคอื่น  เช่น ในช่วงฤดูร้อนอากาศจะอุ่นถึงร้อน เพราะได้รับอิทธิพลของลมร้อนที่พัดมาจากประเทศบราซิล ส่วนในช่วงฤดูหนาวอากาศจะเย็นถึงหนาว จากกระแสลมที่พัดมาจากขั้วโลกเป็นตัวแปรสำคัญ ปกติ อุรุกวัย ไม่มีหิมะ แต่เคยมีหิมะตก 2 ครั้งในประวัติศาสตร์ ไม่เคยเกิดเฮอร์ริเคน สึนามิ แผ่นดินไหว และไม่มีสภาพอากาศที่หนาวจัด จึงสามารถเดินทางไปเยือนได้ตลอดเวลา ช่วงที่มีอากาศดีที่สุด คือ เดือนกันยายน-เมษายน ในช่วงฤดูร้อน อุรุกวัยมีอุณหภูมิเฉลี่ย 22 องศาเซลเซียส ส่วนฤดูหนาวอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 11 องศาเซลเซียส
ประเทศที่อากาศดีที่สุดในโลก 7. สาธารณรัฐอาร์เจนตินา

อาร์เจนตินา เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีสภาพอากาศหลากหลายและแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ตั้งแต่กึ่งร้อน กึ่งอบอุ่น ฝนตกชุก ไปจนถึงหิมะตก โดยตอนเหนือของประเทศจะมีลักษณะอากาศแบบกึ่งร้อน ขณะที่ตอนกลางอากาศจะร้อนชื้น ส่วนทางตอนใต้ของประเทศจะมีสภาพอากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะบริเวณตอนใต้สุดของประเทศ ซึ่งจะมีลักษณะอากาศแบบแอนตาร์กติก คืออากาศแบบแห้ง เป็นน้ำแข็งตลอดทั้งปี และที่น่ามหัศจรรย์คือ ในช่วงกลางของฤดูหนาว (เดือนมิถุนายน) จะเกิดปรากฏการณ์ “ซาน ควน ซัมเมอร์” คือ สภาวะอุณหภูมิสูงขึ้นผิดปกติเสมือนเป็นฤดูร้อนประมาณ 3-7 วัน ชาวอาร์เจนตินาจึงมักพากันออกมานอนอาบแสงแดดอันร้อนแรง ณ บริเวณจตุรัสใจกลางเมือง ทั้งๆ ที่กำลังอยู่ในช่วงกลางฤดูหนาว
ประเทศที่อากาศดีที่สุดในโลก 8. สาธารณรัฐแอฟริกาใต้


สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ มีหลายสภาพภูมิอากาศเช่นกัน นับตั้งแต่สภาพอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ กึ่งร้อนทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ไปจนถึงอากาศหนาวเย็นบริเวณที่ราบสูงตอนใน และสภาพอากาศแบบทะเลทรายทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ แต่โดยรวมพื้นที่ส่วนใหญ่ของแอฟริกาใต้จะมีอากาศแบบอบอุ่น แดดร้อนในตอนกลางวัน อากาศเย็นในยามค่ำคืน และมีฝนตกในช่วงฤดูร้อน (พ.ย.-มี.ค.) ขณะที่บริเวณตอนล่างทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ แถบเมืองเคปทาวน์กลับมีฝนตกในช่วงฤดูหนาว (มิ.ย.-ส.ค.) สภาพอากาศทางตอนเหนือและใต้ของประเทศแอฟริกาใต้มักไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 17 องศาเซลเซียส และ 17.5 องศาเซลเซียส
ประเทศที่อากาศดีที่สุดในโลก 9. สาธารณรัฐอิตาลี



อิตาลี มีลักษณะเป็นคาบสมุทรยื่นออกไปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน พื้นที่ร้อยละ 75 เป็นภูเขาและที่ราบสูง อิตาลี เป็นหนึ่งประเทศในแถบยุโรปที่มีอากาศดี แต่สภาพอากาศจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงในแต่ละพื้นที่ บริเวณที่มีอากาศดีที่สุดในช่วงฤดูหนาว คือ แถบชายฝั่งอามัลฟี หรือที่เรียกว่า “อิตาเลี่ยน ริเวียร่า” รวมทั้งที่หมู่เกาะซิซิลีและซาร์ดิเนีย เพราะบริเวณดังกล่าวอากาศจะไม่หนาวมาก และไม่มีฝนตกหนัก ส่วนในช่วงฤดูร้อน ยิ่งลงไปทางตอนใต้ของประเทศมากเท่าไหร่ อากาศก็ยิ่งร้อนมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแคว้นปูเกลีย ซึ่งจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 27 องศาเซลเซียสในเดือนสิงหาคม
ประเทศที่อากาศดีที่สุดในโลก 10. สาธารณรัฐฝรั่งเศส

โดยทั่วไป ฝรั่งเศส เป็นประเทศที่มีอากาศเย็น แต่ก็มีสภาพอากาศที่หลากหลายและแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค อุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงฤดูหนาวอยู่ที่ 0-7 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงฤดูร้อนจะมีอุณหภูมิเฉลี่ย 16-24 องศาเซลเซียส สำหรับเมืองที่อยู่ตอนกลางและค่อนไปทางเหนืออย่าง กรุงปารีส นั้น จะมีสภาพอากาศค่อนข้างเย็นและมักมีฝนตก แต่อากาศจะค่อนข้างร้อนในช่วงฤดูร้อน ส่วนพื้นที่ในแถบตะวันออกอย่างแคว้นอัลซาซ แคว้นลอร์แรน รวมถึงบริเวณเทือกเขาแอลป์ เทือกเขาปีเรเนส์ และที่ราบสูงมาสซิฟ ซองตราล จะมีสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัดในช่วงฤดูหนาว

ขอขอบคุณ : http://travel.mthai.com

วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

เนเธอร์แลนด์ ตระการตาแห่งสีสัน สวนดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

Keukenhof สวนดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตระการตาแห่งสีสัน เนเธอร์แลนด์
Keukenhof สวนดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และได้ขึ้นชื่อว่าเป็น สวนดอกไม้แห่งยุโรป ตั้งอยู่ในเขต South Holland ในเมืองเล็กๆ ชื่อ Lisse ประเทศเนเธอร์แลนด์
Keukenhof สวนดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แห่งนี้ มากมายด้วยมวลดอกไม้กว่า 7 ล้านดอก บนพื้นที่กว่า 320,000 ตารางเมตร “ทิวลิป” น่าจะเป็นไฮไลท์ที่หลายคนรอชม แต่ช่วงเวลาที่ผลิบานสวยที่สุดของทิวลิปจะเป็นช่วงกลางเดือนเมษายน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในขณะนั้นด้วย
การเดินทางไปยัง Keukenhof สวนดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก นั้น สามารถนั่งรถโดยสารจากสถานีรถไฟเมือง Haarlem, Leiden และ Schiphol มายังเมือง Lisse ซึ่งเป็นถิ่นที่ตั้ง และถูกเรียกว่าเป็น เขตเนินทรายและไม้ดอก ปกติ Keukenhof จะเปิดให้เข้าชมในช่วงกลางมีนาคม-กลางเมษายน และช่วงเทศกาลสำคัญประจำปี เช่น Castlefest, Ladies Winternight และ คริสมาสต์
ตระการตาแห่งสีสัน เนเธอร์แลนด์





 สถานที่ท่องเที่ยวขนาดใหญ่ ในเมืองเล็ก ซึ่งมีสีสันเป็นจุดขาย Keukenhof สวนดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ขอขอบคุณ : http://travel.mthai.com

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555

สิงคโปร์ (Singapore) แหล่งน่าเที่ยว

สิงคโปร์ (Singapore)
สิงคโปร์ก้าวหน้าอย่างไม่หยุดนิ่งที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ความแปลกใหม่กำลังเกิดขึ้นอีกเร็วๆ นี้คือโครงการ “MarinaBay Sands” บริเวณ Marina Bay ให้เป็นแหล่งบันเทิงระดับโลก มีโรงละครขนาดใหญ่กว่า 2,000 ที่นั่ง ร้านแบรนด์เนม ภัตตาคารหรูและร้านอาหารลอยน้ำ “กาสิโน” เป็นก้าวสำคัญสำหรับการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นที่นี่โดยเฉพาะชาวต่างชาติเข้าไปเที่ยวได้ฟรี เพียงโชว์หนังสือเดินทาง แต่ถ้าคนภายในประเทศจะเข้าไปต้องเสียค่าธรรมเนียมคนละ 1,000 ดอลลาร์ สิงคโปร์ได้วางแผนไว้จะเป็นศูนย์กลางธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยว ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงภายใน 10 ปี
การรณรงค์การท่องเที่ยวโดยเน้น จุดเด่นของสิงคโปร์ในการเป็นสังคมที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม “Uniquely Singapore” ย่านใจกลางเมืองสิงคโปร์เป็นที่ตั้งของโรงละครทั้งเล็กและใหญ่ ซึ่งจัดการแสดงละครท้องถิ่น ละครเพลง บัลเลต์ รวมทั้งการแสดงระดับสากลด้วย เช่น โรงละครวิคตอเรีย (The Victoria Theatre), เดอะ ซับสเตชั่น (The Substation), เดอะ แบล็คบ๊อกซ์ (The Blackbox), สิงคโปร์ อินดอร์ สเตเดี้ยม (Singapore Indoor Stadium), หอประชุม จูบิลี (Jubilee Hall) และโรงละครริมน้ำ เอสพลานาด (Esplanade-Theatres on the Bay) สถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมกันมากคือ บริเวณ Marina Bay, ปากแม่น้ำสิงคโปร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมอร์ไลออน (Merlion) และสถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำริมน้ำ คือ Clarke Quay, Boat Quay, ไชน่าทาวน์ (China Town), Little India และถนนช็อปปิ้ง Orchardส่วนนอกเมืองก็มีแหล่งท่องเที่ยวอยู่โดยรอบ ใช้วิธีเดินทางโดยรถไฟ MRT และ รถประจำทาง คือ เกาะเซนโตซา (Sentosa Island) บริเวณ Harbour Front, สวนสัตว์กลางคืน (Night Safari), และสวนนกจูร่ง (Jurong Birdpark)
“สิงคโปร์” มีพื้นที่เท่ากับเกาะภูเก็ต ประมาณ 682.7 ตร.กม. แต่สร้างรายได้ประชาชาติสูงสุดติดระดับโลก 117,083 ล้านดอลลาร์สหรัฐรัฐบาลสิงคโปร์เน้นสร้าง “คุณภาพคน” โดยเน้นคุณภาพการศึกษาและความรู้เป็น พื้นฐานให้คนสิงคโปร์ทั้งชายและหญิงเป็นคน “เก่ง” แต่ก็ต้องประสบปัญหาด้านสังคม เมื่อพบว่าอัตราการเติบโตของประชากรทั้งหญิงและชาย ลดลง ไม่ยอมแต่งงานยินดีที่จะอยู่เป็น “โสด” และทำงานเลี้ยงตัวเองอย่างเท่าเทียมกันรัฐบาลต้องรับภาระหนักอีกบทบาทหนึ่งในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา คือการเป็น “รัฐบาลแม่สื่อ” สร้างบรรยากาศให้คนสิงคโปร์ เกิดอารมณ์ “รักกัน” ให้ได้...เพื่อชาติประชากร ประมาณ 4.35 ล้านคน หนาแน่นที่สุดในโลก ส่วนใหญ่อยู่ในแฟลตของรัฐบาลเชื้อชาติ ชาวจีน 76.5% ชาวมาเลย์ 13.8% ชาวอินเดีย 8.1% และอื่นๆ 1.6%ภาษา ภาษาอังกฤษ มาเลย์ จีนกลางเป็นภาษาราชการ แต่ร้องเพลงชาติภาษามาเลย์ สภาพอากาศ สิงคโปร์มีอากาศอบอุ่นชื้นตลอดทั้งปี มีอุณหภูมิ

ตามใจทัวร์